วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สุขภาพดีด้วย“ธรรมชาติบำบัด”

วิธีการ “ธรรมชาติบำบัด” เป็นแนวทางที่ผู้คนทั่วโลกหันมาสนใจ Mr.Jacob Vadakkanchary คุณหมอชาวอินเดีย ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาแบบธรรมชาติบำบัด ได้กล่าวว่า ธรรมชาติบำบัดคือการดูแลรักษากาย ใจ โดยขบวนการทางธรรมชาติ (สรุปง่าย ๆ ว่า คือ ร่างกายและจิตใจของคนเราสามารถเยียวยารักษาตัวเองได้ ทุกโรค ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพสมดุลปรกติ) โรคร้ายต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบตัน ภูมิแพ้ หืดหอบ ฯลฯ เกิดจากการดำเนินชีวิตผิดธรรมชาติและรับประทานอาหารที่มีสารเคมีปนเปื้อน หรือการใช้ชีวิตที่เครียดเกินไป หักโหมเกินไป กังวลเกินไป ออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้น การดูแลสุขภาพของคนเราจะเน้นเรื่องอาหาร การกินอาหารที่ดีจะทำให้มีสุขภาพดี Bacteria ไม่มีผลทำให้เกิดโรคต่อร่างกาย การเจ็บป่วยของคนล้วนเกิดจากอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนที่คนเรากินเข้าไป ขบวนการขับสารพิษออกจากร่างกายมี 4 ทาง (จมูก/เหงื่อ/ปัสสาวะและอุจจาระ) คนเราควรหมั่นหายใจลึกๆจะได้อากาศบริสุทธิ์เข้าปอด เพื่อนำออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย และควรตากแสงแดดอ่อนๆทั้งในตอนเช้าและตอนเย็น เพื่อดูดสารพิษออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีดูแลรักษาสุขภาพอย่างง่ายๆ เวลาเจ็บป่วยร่างกายจะเสียสมดุล ถ้าจะแก้ไขให้สมดุลก็ต้องปรับสภาพทั้งร่างกายและจิตใจ การไอ/จาม/มีผื่นไม่ใช่อาการป่วย แต่ร่างกายกำลังทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติ จะจามเพื่อขับพิษออกจากปอด การกินยาแก้ไอจะทำให้ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษออกมาได้ การที่เราเป็นไข้ก็เป็นขบวนการทำลายเชื้อโรค เวลาท้องเสียถือเป็นการทำความสะอาดของร่างกายครั้งใหญ่ การถ่ายให้หมดจะช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย หากใช้ยาหยุดถ่าย พิษต่างๆก็จะซึมเข้าสู่ร่างกาย หากซึมผ่านเส้นเลือดไปที่ผิวหนังก็จะเป็นผื่น ซึมไปที่ไตก็จะเป็นโรคไต ซึมไปที่ระบบหายใจก็จะเป็นหืดหอบ แนะนำให้กินอาหารมังสวิรัติ เพราะเนื้อสัตว์ก็จะไปหมักหมมอยู่ในลำไส้ ร่างกายก็จะได้รับสารพิษนั้น คนที่ปวดศีรษะเนื่องจากมีเนื้องอกที่สมองเป็นกลไกของร่างกายต้องการให้หยุดทำงาน หากกินยาแก้ปวดศีรษะ อาการปวดบรรเทาก็ยังคงทำงานต่อไปได้ เนื้องอกก็จะลุกลามต่อไป จึงควรรักษาโดยธรรมชาติบำบัด (Health Life Style) การรับประทานยาต่างๆ เช่น Brufen, Paracetamol, Penicillin และ Tetracycline เป็นต้น ซึ่งจะมีพิษต่อตับและไต ยาจะให้ผลดีในระยะสั้น แต่จะเกิดผลเสียในระยะยาว ทุกวันนี้คนเราป่วยเพราะมีสารพิษตกค้างในร่างกาย (เนื้อสัตว์ใช้เวลาย่อย 12 ชั่วโมง ผักดิบใช้เวลาย่อย 2.30 ชั่วโมง ส่วนน้ำผลไม้ใช้เวลาย่อยเพียง 1 ชั่วโมง) วิธีการอดอาหารเพื่อล้างพิษ เป็นทางเลือกหลักของวิชาธรรมชาติบำบัด บางคนอดอาหาร 7 วัน - 14 วัน - 21 วัน แล้วแต่อาการของโรค ก่อนอดอาหารต้องเตรียมความพร้อมโดยให้กินผักและผลไม้เพื่อปรับสภาพร่างกาย 3 วัน หลังจากนั้น 4 วันแรกให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว อีก 3 วันต่อมาให้ดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาว และ 3 วันสุดท้ายให้ดื่มน้ำผลไม้ จากนั้นค่อยๆปรับสภาพร่างกาย โดยให้รับประทานผักสดและผลไม้ แล้วกลับมาใช้ชีวิตปรกติตามเดิม ในรายผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง อาจให้อดอาหาร 20 วัน เพื่อไม่ให้มะเร็งเจริญเติบโต ระหว่างนั้นจะให้น้ำผลไม้อ่อนๆ ให้เอาผ้าเปียกมาประคบบริเวณที่มีอาการปวดจะทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดีขึ้น เพราะระบบภายในของผู้ป่วยโรคมะเร็งจะสูญเสียสมดุลเกือบหมด ระหว่างการรักษาหากผู้ป่วยมีอาการไข้นอนซม หมอธรรมชาติบำบัดจะรู้สึกดีใจ เพราะเป็นวิธีการที่ธรรมชาติรักษาตัวเอง อุณหภูมิในร่างกายผู้ป่วยสูงขึ้นเพื่อฆ่าเชื้อโรค เป็นการส่งสัญญาณว่าการรักษาได้ผล บางครั้งผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บคอ ปากขม ไม่อยากอาหาร เพราะร่างกายต้องการเยียวยาตัวเอง หากผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดบริเวณที่เป็นโรคมะเร็งก็จะใช้โคลนพอกเพื่อช่วยบำบัดอาการเจ็บปวด นอกจากนี้ยังใช้วิธีฝึกเปลี่ยนจิตของผู้ป่วยด้วยการให้ฝึกภาวนา และเปลี่ยนวิธีคิดของผู้ป่วยโดยให้คิดว่าวันนี้อาการดีขึ้น หรือให้ผู้ป่วยด้วยกันช่วยกันเยียวยาจิตใจ เช่น ให้พูดบอกกันว่าวันนี้อาการดูดีขึ้นนะ วิชาธรรมชาติบำบัดมีหลักว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่า หากจิตตายร่างกายจะตายด้วย การฝึกโยคะก็เป็นอีกวิธีหนึ่งของการรักษาเพื่อให้เข้าถึงจิตตัวเอง เช่น คนออกกำลังกายในโรงยิมก็เหมือนคนภาวนาเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เพราะจิตบอกว่าออกกำลังกายเพื่อให้มีกล้าม ต่างจากกรรมกรที่แบกหามกล้ามเนื้อจะไม่สมบูรณ์เหมือนคนออกกำลังกายในโรงยิม เพราะจิตไม่ได้สั่ง ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เป็นแผลเรื้อรัง เมื่อผู้ป่วยมีแผลตามแขนขา ซึ่งเป็นแผลที่รักษาไม่หาย อาจจะต้องตัดอวัยวะส่วนที่เป็นแผลทิ้ง ซึ่งรักษาโดยวิธีธรรมชาติบำบัดอย่างง่ายๆด้วยการให้ผู้ป่วยใช้หรือรับประทาน raw diet (อาหารดิบ น่าจะหมายถึงผักผลไม้สด) ใช้สมุนไพร tamaric root (พืชเป็นหัวใต้ดินตระกูลขิง ข่า ขมิ้น) และน้ำเย็นล้างแผลวันละ 2-3 ครั้ง แล้วให้ผู้ป่วยตากแดด เน้นเรื่องการตากแดด แผลนั้นจะค่อยๆแห้งและยุบ จนกระทั่งแผลหาย การรักษาผู้ป่วยเป็นไมเกรนหรือไซนัส การล้างจมูกด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย หรือล้างตาในน้ำสะอาดจะทำให้ระบบประสาทตาเย็นลง และช่วยขจัดไขมัน Dr.Jacob กล่าวว่า หากคนเราดูแลเรื่องอาหารการกิน ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่รับประทานยา เพราะยาไม่เพียงแต่ฆ่าเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังทำลายภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ยาแผนปัจจุบันแม้จะช่วยยับยั้งอาการปวดหรืออาการไข้ แต่นั่นเป็นเพียงการกดอาการ ไม่ได้เป็นการรักษาให้หายขาด การรักษาอยู่ที่ตัวของเราเองที่หันมารักษาตามแนวทางธรรมชาติบำบัด

ไม่มีความคิดเห็น: